ถ้าพูดถึงจำนวนของนักเรียนต่อห้องในโรงเรียนทั่วไปของไทย มักจะอยู่ที่ 30 – 40 คนต่อห้อง ซึ่งปัญหาที่มักจะพบบ่อย ๆ คือ คุณครูไม่สามารถดูแลนักเรียนทุกคนได้อย่างทั่วถึง ทำให้เด็กมีโอกาสตามเนื้อหาไม่ทันและเรียนรู้ได้ไม่เต็มที่ ในทางกลับกัน ระบบการเรียนการสอนในโรงเรียนนานาชาติมักจะเป็นรูปแบบห้องเรียนขนาดเล็ก เพราะต้องการให้คุณครูสามารถเข้าถึงเด็กทุกคนได้ และมองว่ามีประสิทธิภาพในการสอนมากขึ้นด้วย มาดูเพิ่มเติมกันดีกว่าแล้วข้อดีของห้องเรียนขนาดเล็กนั้น ยังมีอะไรที่ส่งผลดีต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กอีกบ้าง
Content Highlight
- ห้องเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนน้อย จะทำให้คุณครูได้ใกล้ชิดกับนักเรียนมากกว่าห้องเรียนทั่วไปที่มีนักเรียนมากถึง 40 – 50 คน ซึ่งอาจทำให้ดูแลได้ไม่ทั่วถึง
- ห้องเรียนขนาดเล็กในโรงเรียนนานาชาติ ช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ เพราะคุณครูสามารถออกแบบหลักสูตรและวิธีการสอนให้ตรงกับความถนัดของเด็กได้
ห้องเรียนขนาดเล็กในโรงเรียนนานาชาติเป็นอย่างไร
ส่วนใหญ่ระบบการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติมักมาในรูปแบบห้องเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนอยู่ที่ 10 – 20 คนต่อห้อง โดยใช้ระบบการศึกษาแบบ Personalized Learning หรือ การเรียนเฉพาะบุคคลเป็นหลัก นักเรียนสามารถกำหนดเป้าหมายการเรียนของตนเองได้ตามความสนใจ ปกติเรามักคุ้นเคยกับระบบการเรียนการสอนแบบ Classroom ที่ใช้หลักสูตรเดียวกันทั้งห้องต่อคุณครู 1 คน ซึ่งอาจไม่ได้ตอบโจทย์เด็กนักเรียนเท่าไรเนื่องจากแต่ละคนมีจุดอ่อน-จุดแข็งที่แตกต่างกัน
ความแตกต่างระหว่างห้องเรียนขนาดเล็กและห้องเรียนทั่วไป
ห้องเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนจำนวนน้อย จะทำให้มีการเอาใจใส่เป็นรายบุคคล นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม และมีสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ระหว่างครูกับนักเรียนที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ในขณะที่ห้องเรียนปกติทั่วไปที่มีนักเรียนจำนวนมาก มีแนวโน้มที่จะเกิดความวุ่นวายได้ง่ายเพราะควบคุมได้ยาก และอาจทำให้เด็กนักเรียนไม่สามารถโฟกัสกับการเรียนได้อย่างเต็มที่ ส่งผลต่อการทำความเข้าใจเนื้อหาอีกด้วย
5 ข้อดีของห้องเรียนขนาดเล็กในโรงเรียนนานาชาติ
หัวใจหลักของห้องเรียนขนาดเล็กในโรงเรียนนานาชาติ คือ การมุ่งเน้นไปที่คุณภาพการเรียนรู้แบบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ ทักษะการเข้าสังคม รวมไปจนถึงด้านสุขภาพจิตของเด็กนักเรียน ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืนในระยะยาว โดยมีข้อดีดังนี้

1. การเรียนรู้เฉพาะบุคคล (Personalized Learning)
การเรียนรู้เฉพาะบุคคลในห้องเรียนขนาดเล็กถือเป็นระบบการศึกษาที่ช่วยยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี เพราะมีการวิเคราะห์ข้อมูลของเด็กแต่ละคนผ่านความถนัด วิชาที่เรียน การมีส่วนร่วมในกิจกรรม รวมถึงพฤติกรรมการเรียนรู้ ทำให้คุณครูสามารถปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมตามความต้องการของเด็กแต่ละคนได้ Personalized Learning จึงกลายเป็นส่วนสำคัญในหลักสูตรโรงเรียนนานาชาติ
2. ห้องเรียนขนาดเล็กช่วยให้นักเรียนมีส่วนร่วม (Active Engagement)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าห้องเรียนขนาดเล็กมีบรรยากาศการเรียนการสอนที่เอื้ออำนวยต่อการมีส่วนร่วมของนักเรียนมากกว่าห้องเรียนทั่วไป เนื่องจากเด็กนักเรียนได้ใกล้ชิดกับคุณครูและเพื่อนร่วมห้องมากขึ้น จึงทำให้การเรียนเต็มไปด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลิน กล้าคิด กล้าลงมือทำ กล้าถาม และกล้าแสดงออก ส่งผลให้เด็ก ๆ มีความกระตือรือร้นในการเรียนมากกว่าที่จะรับข้อมูลเนื้อหาเฉย ๆ ผ่านการถามตอบกับครูในคลาสเรียน
3. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับนักเรียน (Stronger Teacher-Student Relationships)
การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อครูและนักเรียนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น นักเรียนจะรู้สึกปลอดภัยและไม่กดดันต่อการเรียน นำไปสู่การพัฒนาทักษะด้านวิชาการและด้านอารมณ์ ลดปัญหาความเครียดสะสม แถมยังมีแนวโน้มที่เด็กจะเรียนได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากคุณครูอย่างเต็มที่
4. ห้องเรียนขนาดเล็กช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสอน (Higher Quality Teaching & Learning)
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของห้องเรียนขนาดเล็กในโรงเรียนนานาชาติ คือ ครูสามารถถ่ายทอดความรู้สู่เด็กนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การมีจำนวนนักเรียนต่อห้องไม่เยอะคุณครูสามารถดูแลเด็กทุกคนได้อย่างทั่วถึง และสามารถสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ของเด็กแต่ละคนได้ง่ายมากกว่าห้องเรียนขนาดใหญ่ หากพบว่ามีเด็กนักเรียนที่ยังไม่เข้าใจเนื้อหาครูจะรีบเข้าไปให้คำแนะนำเพิ่มเติมทันที เพื่อให้เด็กทุกคนติดตามเนื้อหาที่เรียนได้อย่างครบถ้วน
5. เสริมสร้างสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของนักเรียน (Mental Well-Being & Student Support)
บรรยากาศภายในห้องเรียนขนาดเล็กเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีให้กับเด็ก ๆ เพราะเมื่อไรก็ตามที่สภาพแวดล้อมทางการศึกษาดี เด็กมักมีความรู้สึกอยากไปโรงเรียนอยู่เสมอเพื่อต้องการไปเล่นกับเพื่อน ไปเจอคุณครู ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่าสภาพจิตใจของเขากำลังได้รับการดูแลอย่างดีขณะอยู่โรงเรียน โดยส่วนใหญ่แล้วระบบนานาชาติมุ่งเน้นไปที่การสอนผ่านกิจกรรมสนุก ๆ ที่ทันสมัยทำให้เด็กเกิดการเติบโตได้อย่างมีคุณภาพทั้งด้านวิชาการและด้านจิตใจ
ห้องเรียนขนาดเล็กเหมาะกับนักเรียนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษไหม

ส่วนใหญ่ระบบการศึกษาโรงเรียนนานาชาติจะมีหลักสูตรพิเศษสำหรับสนับสนุนให้เด็กนักเรียนที่ยังไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษได้ฝึกฟัง พูด อ่าน และเขียนอยู่แล้ว โดยเริ่มจากระดับ Beginner เพื่อปูพื้นฐานให้กับเด็กนักเรียนจากคำศัพท์ง่าย ๆ เช่น สี สิ่งของ ผัก ผลไม้ สัตว์เลี้ยง และค่อย ๆ พัฒนามาเป็นรูปประโยคสั้น ๆ ง่าย ๆ ให้พวกเขาได้ฝึกแต่งประโยคตาม ซึ่งวิธีจำคำศัพท์ที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดสำหรับเด็กคือ Flash Card (บัตรคำ) ให้เด็กพูดคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากรูปภาพที่เห็นในการ์ด ดังนั้น ผู้ปกครองคนไหนที่กำลังกังวลเรื่องภาษาของลูกน้อยอยู่เกรงว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อนร่วมชั้นหายห่วงไปได้เลย เพราะระบบห้องเรียนขนาดเล็กในโรงเรียนนานาชาติจะทำให้พวกเขารู้สึกสนุกไปกับการเรียนในทุก ๆ วัน และซึมซับภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ
ข้อได้เปรียบของห้องเรียนขนาดเล็ก โรงเรียนนานาชาติ
การเรียนหลักสูตรนานาชาติในห้องเรียนขนาดเล็กทำให้คุณครูสามารถจัดระเบียบการเรียนการสอนได้ง่ายกว่าระบบห้องเรียนทั่วไปด้วยจำนวนนักเรียนที่กำลังพอดีไม่มากไม่น้อยจนเกินไป จึงดูแลเด็ก ๆ ทุกคนได้ทั่วถึงและรู้ว่าเด็กแต่ละคนมีความถนัดด้านใด หรือมีจุดอ่อนจุดแข็งส่วนไหนที่ครูต้องเพิ่มเติมให้ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้รับข้อมูลในส่วนที่พวกเขาต้องการอยากรู้มากที่สุด
ห้องเรียนขนาดเล็กคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าห้องเรียนขนาดเล็กช่วยให้เด็กมีความเข้าใจเนื้อหาได้อย่างลึกซึ้ง ด้วยความที่นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอนตามความถนัดของตนเอง จึงทำให้มีความกระตือรือร้นในการเรียนอยู่เสมอ แถมยังมาพร้อมกับความมั่นใจเต็มเปี่ยม กล้าคิด กล้าพูด กล้าถาม เพราะระหว่างเรียนพวกเขาได้รับแรงสนับสนุนจากคุณครูเต็มที่ จึงทำให้เกิดผลลัพธ์ที่งอกงามแบบนี้นั่นเอง