Social Experiment
January 24, 2025

7 เทคนิคสอนลูกให้กล้าเข้าสังคม เตรียมพร้อมก่อนไปโรงเรียนวันแรก

แนะนำ 7 วิธีช่วยให้เด็กกล้าแสดงออกในห้องเรียน ไม่ขี้อายอีกต่อไป

การไปโรงเรียนครั้งแรกของลูก ก็เหมือนการทำความรู้จักสังคมใหม่ที่ไม่ได้มีแค่พ่อแม่ แต่จะได้รู้จักกับเพื่อนวัยเดียวกัน คุณครูที่จะเป็นผู้ดูแลเขาตลอดเวลาที่อยู่โรงเรียน เชื่อว่าผู้ปกครองหลายท่านกลัวว่าลูกจะขี้อาย ไม่กล้าแสดงออกจนเข้ากับเพื่อน ๆ ไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกและพัฒนาความมั่นใจในเด็กในตั้งแต่ที่บ้าน ด้วย 7 วิธีฝึกเด็กกล้าแสดงออกอย่างสมวัย 

trick

การพัฒนาทักษะอารมณ์และสังคมในเด็กปฐมวัย มีความสำคัญอย่างไร

พ่อแม่หลายคนไม่รู้ว่าการกล้าแสดงออกของเด็ก เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะอารมณ์และสังคมในเด็ก เพราะถ้าเด็กไม่กล้าแสดงออก และไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อตัวเขาเอง แต่ยังทำให้คนรอบข้างไม่สบายใจอีกด้วย พ่อแม่ควรฝึกให้เขารู้จักตัวเอง รู้ว่าต้องการอะไรและแสดงออกมาให้พ่อแม่รับรู้ด้วย เพื่อปรับความเข้าใจและรู้วิธีอยู่ร่วมกัน เมื่อเริ่มต้นฝึกตั้งแต่ที่บ้าน เมื่อลูกไปโรงเรียนแล้วก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

7 เทคนิคสอนลูกให้กล้าเข้าสังคม มั่นใจทุกครั้งที่ไปโรงเรียน

ถ้าคุณพ่อคุณแม่เริ่มสังเกตนิสัยของลูกเวลาอยู่บ้าน แล้วพบว่าเขาค่อนข้างขี้อาย และไม่ค่อยกล้าสังคมเท่าไหร่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่จะดีกว่าไหมถ้าเขามีความมั่นใจมากขึ้น เวลาที่ไปโรงเรียนจะได้กล้าทำความรู้จักกับเพื่อน กล้าที่จะขอความช่วยเหลือกับคุณครูตอนเกิดปัญหา มาเปลี่ยนจากเด็กแสนขี้อายให้มีความมั่นใจได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีต่อไปนี้

1. พาออกไปเจอผู้คนมากขึ้น

อยากให้ลูกเข้าสังคมเป็นก็ต้องพาเขาไปเจอสังคมก่อนอย่างแรก เริ่มต้นจากการพาไปบ้านญาติผู้ใหญ่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย หรือถ้าเพื่อนบ้านมีลูกที่รุ่นราวคราวเดียวก็ลองพาเด็ก ๆ ไปทำความรู้จักกัน จะพาไปเจอเพื่อนของคุณพ่อคุณแม่ก็ได้เช่นกัน เพื่อลดความเขินอายและชินกับการเจอผู้คนมากขึ้น และอย่าลืมสอนให้รู้จักขอบคุณ ขอโทษ ที่แสดงถึงความอ่อนน้อม ให้เด็กดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาคนอื่นด้วย

2. ลองให้ลูกรับผิดชอบงานบ้าน

เพราะงานบ้านเป็นหน้าที่ของทุกคน ลองให้ลูกทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นการฝึกฝนทักษะการเคลื่อนไหว เช่น เก็บของเล่นให้เรียบร้อย ช่วยหยิบของเล็ก ๆ หรือพับเสื้อผ้าของตัวเอง นอกจากเป็นการฝึกความรับผิดชอบแล้ว ตัวเขาจะรู้สึกภูมิใจที่ได้แบ่งเบาภาระของพ่อแม่อีกด้วย

Social Skills

3. ชื่นชมลูกเป็นประจำ เพื่อเสริมความมั่นใจ

การชื่นชมเป็นการพัฒนาความมั่นใจในเด็กที่ดีที่สุด ถ้าเขาลองทำอะไรด้วยตัวเอง ต้องให้กำลังใจเขาเยอะ ๆ ลูกจะได้ไม่รู้สึกขี้อายและไม่มีความมั่นใจ ยิ่งถ้าเขาทำดี เช่น เก็บของเป็นระเบียบ ตั้งใจฟังที่พ่อแม่สอน ยิ่งต้องชมพวกเขาเยอะ ๆ แม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องง่าย ๆ ในมุมของผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กแล้วอาจเป็น 1 ในสิ่งที่เขาภาคภูมิใจมาก ๆ เลยก็ได้

4. สอนให้ลูกตัดสินใจด้วยตัวเองบ้าง

วิธีช่วยให้เด็กกล้าแสดงออกในห้องเรียนคือ ลองให้ลูกคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง เช่น เลือกหนังสือนิทานที่อยากอ่าน เลือกของเล่นที่อยากเล่น เมื่อเขาได้ลองตัดสินใจเองบ่อย ๆ เท่านี้เวลาไปโรงเรียน เขาก็สามารถเลือกทำอะไรได้เอง ไม่ต้องรอให้ใครบอก ซึ่งพ่อแม่ต้องอย่าเคยชินกับการตัดสินใจแทนลูกตลอดเวลา เพราะเมื่อเขาโตไปแล้วอาจไม่สามารถตัดสินใจอะไรเองได้เลย 

5. สอนวิธีจัดการอารมณ์และรับมือกับความโกรธ

เวลาที่ลูกไม่พอใจหรือแสดงอาการโกรธออกมา พ่อแม่ต้องคอยตักเตือนเรื่องการแสดงออกอย่างเหมาะสม ไม่ตะโกน ส่งเสียงกรี๊ดดัง ๆ เพราะจะทำให้เขาโตไปแล้วควบคุมอารมณ์ไม่ได้ รวมถึงต้องสอนให้เขาพอใจกับสิ่งได้รับบ้าง ไม่เอาแต่ใจทุกครั้ง เพื่อให้เขามีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากขึ้นในอนาคต

Self-Confidence

6. ส่งเสริมให้ลูกทำในสิ่งที่ชอบ

เด็กมักจะกล้าแสดงออกในสิ่งที่พวกเขาสนใจ เช่น การเต้น ร้องเพลง เล่นกีฬา หรือเล่นดนตรี พ่อแม่ควรสนับสนุนลูกด้วยการร่วมเต้น ร้องเพลงเป็นเพื่อนลูก ซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อเสริมทักษะ หรือจะลองพาเขาไปประกวดเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ และกล้าแสดงออกต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก หากแพ้หรือเกิดข้อผิดพลาดขึ้นก็คอยให้กำลังใจ และการฝึกให้รู้จักการรับมือกับความผิดหวังด้วย

7. คอยบอกขอบเขตในการแสดงออกให้ลูกรู้

วิธีฝึกเด็กกล้าแสดงออกยังรวมถึงขอบเขตในการแสดงที่เหมาะสมด้วย บางครั้งที่ลูกมีความมั่นใจมากเกินไป อาจทำให้กลายเป็นเด็กไม่น่ารักในสายตาคนอื่นได้ ควรฝึกการรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นร่วมด้วย เพื่อให้อยู่ร่วมกับคนในสังคมได้

สรุป

จบไปแล้วกับ 7 เทคนิคสอนลูกให้กล้าเข้าสังคม กล้าแสดงออกต่อหน้าคนอื่น ถ้าสอนลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ เด็กจะจำและเรียนรู้ตามได้อย่างแน่นอน พ่อแม่ควรค่อย ๆ ฝึกเขาด้วยความใจเย็น เพราะถ้าเร่งเกินไปจะกลายเป็นการทำลายความมั่นใจของเขาซะเอง อาจจำลองสถานการณ์เพื่อให้ลูกเห็นภาพ ฝึกวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อันไหนถูกอันไหนผิดก็คอยเตือนและแนะนำ หรือการทำเป็นแบบอย่างให้ลูกเห็นก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน